หลุมพรางของการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิต

การใช้จ่ายรูดซื้อสินค้าหรือบริการด้วยบัตรเครดิตนั้นบริษัทบัตรเครดิตจะมีระยะปลอดดอกเบี้ยให้ 45-50 วัน บางท่านอาจลดภาระการชำระบิลด้วยการการจ่ายบิลขั้นต่ำ 10% เพื่อให้การใช้จ่ายอื่น ๆ คล่องตัวมากขึ้น ฟังดูสบาย ๆ แต่แท้จริงแล้วการจ่ายบิลด้วยยอดชำระขั้นต่ำนั้น ไม่ได้เป็นการลดภาระอย่างที่คิด วันนี้เราจะมาเล่าถึงข้อเสียของการจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตกัน

โดยปกติธนาคารเจ้าของบัตรจะแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็น 2 ประเภท

Transactor คือกลุ่มลูกค้าที่ชำระยอดตรงตามเวลาทุกเดือนตามวันที่กำหนด ไม่เสียดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมจ่ายล่าช้า โดยการทำรายได้จากลูกค้ากลุ่มนี้คือการเก็บค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซ็นต์กับร้านค้าที่ทำธุรกรรมผ่านธนาคารเจ้าของบัตรนั่นเอง

Revolver ลูกค้ากลุ่มนี้คือกลุ่มที่มียอดชำระเกินหนึ่งเดือนและกำลังเข้าสู่เดือนถัดไป ลูกค้ากลุ่มนี้คือแหล่งทำรายได้ที่สำคัญของธนาคารเจ้าของบัตร เนื่องจากกลุ่มนี้จะมียอดค้างชำระคงเหลืออยู่ในบัญชีซึ่งจะถูกคิดดอกเบี้ย ธนาคารจะมักจะชอบลูกค้ากลุ่มนี้มาก ตราบใดที่ยังคงชำระดอกเบี้ยขั้นต่ำตามที่ธนาคารกำหนด

สำหรับการจ่ายบิลขั้นต่ำโดยปกติจะกำหนดไว้ที่ 10% ของยอดชำระทั้งหมด โดยดอกเบี้ยจะถูกคิดจากยอดค้างชำระและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในรอบบัญชีนั้น ๆ เรามาดูวิธีคิดดอกเบี้ยการจ่ายขั้นต่ำกัน

ยกตัวอย่าง

หากคุณมียอดใช้จ่ายในเดือนที่แล้ว 20,000 บาท และมีวันสรุปยอดบัญชีคือวันที่ 25 มกราคม และเมื่อถึงกำหนดชำระคืนในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ คุณชำระเท่ายอดขั้นต่ำ 10% คือ 2,000 บาท ยังมียอดค้างชำระในบัญชีอยู่ที่ 18,000 บาท โดยที่ระหว่างวันที่ 8-25 คุณไม่มียอดใช้จ่ายอื่นอีก

การคิดดอกเบี้ยจะคิด 2 ขั้นดังนี้

ขั้นที่ 1 คือคิดดอกเบี้ยจากรายการที่เกิดขึ้นทั้งหมด

20,000 บาท( เงินต้นทั้งหมดที่ค้างชำระ ) x 20% ( อัตราภาษี ) x 14 วัน( จำนวนวันคือ วันที่ 25 มกราคม – 7 กุมภาพันธ์ ) / 365 วัน = 153.42 บาท

ขั้นที่ 2 คือคิดจากเงินคงเหลือหลังจากที่เราจ่ายขั้นต่ำไปแล้ว

18,000 ( เงินต้นค้างชำระ ) x 20% x 18 วัน ( วันที่ 8 – 25 กุมภาพันธ์ ) / 365 วัน = 177.53 บาท

ในรอบบิลหลังจากจ่ายขั้นต่ำไปคุณจะต้องชำระเงินดังนี้

ขั้นที่ 1 + ขั้นที่ 2 = 153.42 บาท + 177.53 บาท = 330.95 + เงินต้นคงค้าง 18,000 บาท รวมทั้งหมด 18,330.95 บาท

หากคุณยังมียอดค้างชำระแล้วรอบบิลถัดไปคุณนำบัตรเครดิตใบเดิมไปใช้จ่ายอีก ดอกเบี้ยก็จะถูกคิดทบไปเรื่อย ๆ จนทำให้แทนที่การใช้บัตรเครดิตของคุณจะมีผลประโยชน์กับตัวคุณมากที่สุดก็จะกลายเป็นผลประโยชน์ของธนาคารแทน ดั้งนั้นหากเป็นไปได้คุณควรจ่ายยอดชำระเต็มจำนวน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวคุณเอง

ขอขอบคุณบทความดี ๆ จาก www.masii.com